การอบรมและทดสอบวัดสมิทธิภาพภาษาอังกฤษ (CEFR)
CEFR ONLINE มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เรียนได้ทราบข้อมูลพื้นฐานของข้อสอบ BSRU-TEP เป็นแนวทางให้ทราบลักษณะและเกณฑ์การประเมินของข้อสอบ BSRU-TEP ผู้เรียนสามารถพัฒนาทักษะทางภาษาผ่านกระบวนการฝึกฝนและเรียนรู้เทคนิคในการทำข้อสอบ และเป็นประโยชน์ในการนำไปใช้เพื่อเตรียมความพร้อมแก่นักศึกษาและบุคลากรของมหาวิทยาลัย
หลักสูตรอบรม
1. English as a Foreign Language (EFL)
2. Focus on Grammar and Vocabulary in Context
BSRU-TEP มีวัตถุประสงค์เพื่อวัดความสามารถทางภาษาอังกฤษของคณาจารย์ บุคลากร
และนักศึกษา ข้อสอบมีมาตรฐานโดยมีเนื้อหาครอบคลุมทุกทักษะ คือ การฟัง การพูด การอ่าน
และการเขียน สอดคล้องกับประกาศคณะกรรมการการอุดมศึกษา เรื่อง นโยบายยกระดับมาตรฐาน
ภาษาอังกฤษในสถาบันอุดมศึกษาซึ่งกาหนดให้สถาบันอุดมศึกษาพิจารณาจัดให้นิสิตนักศึกษาทุกคนทดสอบความรู้ภาษาอังกฤษตามแบบทดสอบมาตรฐานระดับอุดมศึกษาที่สถาบันสร้างขึ้น หรือที่เห็นสมควรจะนามาใช้วัดสมิทธิภาพทางภาษาอังกฤษ (English Proficiency) โดยสามารถเทียบเคียงผล
กับ Common European Framework of Reference for Languages (CEFR) หรือมาตรฐานอื่น
เช่น TOEIC, TOEFL และ IELTS
CEFR คืออะไร
คือแนวทางในการอธิบายว่าคุณสามารถพูดและเข้าใจภาษาต่างชาติได้ดีระดับใด โดยมีเกณฑ์
การวัดะดับภาษามากมายที่มีวัตถุประสงค์คล้ายกัน ได้แก่ American Council on the Teaching
of Foreign Languages Proficiency Guidelines (ACTFL) ,Canadian Language Benchmarks (CLB) และ Interagency Language Roundtable scale (ILR) อย่างไรก็ตาม CEFR ไม่ได้ยึดติด
กับแบบทดสอบภาษาใดภาษาหนึ่งเป็นพิเศษ
CEFR คือมาตรฐานยุโรปและได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อนำไปใช้กับภาษายุโรป
ใดก็ตาม ดังนั้นจึงสามารถใช้ในการอธิบายทักษะภาษาอังกฤษ ทักษะภาษาเยอรมัน หรือทักษะ
ภาษาเอสโตเนียของคุณ (หากว่าคุณมีทักษะเหล่านี้)
CEFR และ EF SET
CEFR แบ่งความเชี่ยวชาญทางด้านภาษาออกเป็น 6 ระดับ และได้นำมาใช้ที่ EF SET.
ใช้ในการสอนและการประเมิน
CEFR ไม่ได้เชื่อมโยงหรือยึดตามแบบทดสอบใดแบบทดสอบหนึ่งเป็นพิเศษ หากแต่เป็นการกำหนดทักษะที่สามารถทำได้โดยการใช้ภาษาต่างประเทศที่ระดับความเชี่ยวชาญใด ๆ ยกตัวอย่างเช่น หนึ่งในทักษะที่ระดับ B1 สามารถทำได้คือ “สามารถเชื่อมโยงเกี่ยวกับหัวข้อที่คุ้นเคยหรือความสนใจของตัวบุคคล” ผู้ที่สอนภาษาต่างประเทศสามารถใช้รายการทักษะที่ต้องทำได้เหล่านี้ในการประเมิน
และออกแบบบทเรียนเพื่อค้นหาช่องโหว่ของความรู้ทางภาษาสำหรับผู้เรียน
ใครเป็นผู้ใช้ CEFR
CEFR ได้รับการใช้งานอย่างกว้างขวางสำหรับการสอนภาษาในทวีปยุโรป รวมทั้งการศึกษาทั่วไปและโรงเรียนสอนภาษาเอกชน ในหลายประเทศใช้ CEFR แทนระบบการวัดระดับที่เคยใช้ใน
การสอนภาษาต่างประเทศ กระทรวงการศึกษาในยุโรปส่วนใหญ่ระบุเป้าหมายที่อ้างอิงตาม CEFR
อย่างชัดเจนสำหรับนักเรียนทุกคนที่สำเร็จระดับมัธยม เช่น ระดับ B2 สำหรับภาษาต่างประเทศ
ภาษาแรก ระดับ B1 สำหรับภาษาต่างประเทศภาษาที่สอง สำหรับการหางานในยุโรปจะใช้คะแนน
การทดสอบมาตรฐาน เช่น TOEIC เพื่อกำหนดระดับภาษาอังกฤษ
การใช้ CEFR นอกยุโรปยังอยู่ในขอบเขตที่จำกัด อย่างไรก็ตาม ประเทศในเอเชียและ
ลาตินอเมริกาบางส่วนได้เริ่มนำไปปรับใช้ในระบบการศึกษาของตนบ้างแล้ว
ทำไม CEFR จึงมีความสำคัญ
การออกแบบมาอย่างดี EF SET คือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการวัดระดับทักษะภาษาอังกฤษ เนื่องจากสามารถเข้าถึงได้ฟรีทางออนไลน์และเป็นแบบทดสอบแรกที่มาพร้อมกับเกณฑ์ CEFR คุณจะมีเวลา
50 นาที ในการทำแบบทดสอบให้เสร็จเพื่อค้นหาระดับ CEFR ของคุณ
การค้นหาระดับ CEFR ของคุณในภาษาอื่นของยุโรป แบบทดสอบที่นิยมมากที่สุดส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับเกณฑ์ CEFR โดยขึ้นอยู่กับภาษา คุณต้องทำแบบทดสอบที่แตกต่างกัน คุณสามารถตรวจสอบกับหน่วยงานทางการที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับภาษายุโรป ยกตัวอย่างเช่น Alliance Française สำหรับภาษาฝรั่งเศส Instituto Cervantes สำหรับภาษาสเปน หรือ Goethe Institute สำหรับ
ภาษาเยอรมัน โดยทั่วไปจะไม่นิยมใช้ระดับ CEFR เพื่อบ่งชี้ระดับภาษาที่ไม่ใช่ภาษายุโรป
คำวิจารณ์เกี่ยวกับ CEFR มีอะไรบ้าง
นักเรียนจำนวนมากได้วิจารณ์เกี่ยวกับความก้างของระดับของ CEFR ใน 6 ระดับนี้ประกอบด้วยทักษะและความสามารถมากมาย นักเรียนที่เพิ่งถึงระดับ B1 ค่อนข้างที่จะตามหลังนักเรียนที่เกือบจะผ่านระดับ B2 แต่นักเรียนทั้งสองจะได้รับการจัดให้อยู่ในระดับ B1 เหมือนกัน ในทางปฏิบัติ ผู้สอนต้องแยกแต่ละระดับของทั้ง 6 ระดับ ออกเป็นระดับย่อย เพื่อออกแบบบทเรียนและการประเมิน
หลายประเทศนอกยุโรปมีแบบทดสอบการประเมินที่นำมาปรับใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยไม่เห็นความสำคัญในการเปลี่ยนแปลงขอบเขตของระดับที่แตกต่างกัน ซึ่งไม่ได้อยู่ในแนวทางเดียวกับ
แบบทดสอบการประเมินปัจจุบัน ส่วนใหญ่แบบทดสอบการประเมินมาตรฐานภาษาอังกฤษที่ปรับใช้กันอย่างกว้างขวางไม่ได้มาพร้อมกับเกณฑ์ CEFR
อ้างอิง
ใดก็ตาม ดังนั้นจึงสามารถใช้ในการอธิบายทักษะภาษาอังกฤษ ทักษะภาษาเยอรมัน หรือทักษะ
ภาษาเอสโตเนียของคุณ (หากว่าคุณมีทักษะเหล่านี้)
CEFR และ EF SET
CEFR แบ่งความเชี่ยวชาญทางด้านภาษาออกเป็น 6 ระดับ และได้นำมาใช้ที่ EF SET.
จุดกำเนิดของ CEFR
CEFR ได้รับการตั้งขึ้นโดยสภายุโรปในปี 1990 ให้เป็นส่วนหนึ่งเพื่อสนับสนุนการทำงานร่วมกันระหว่างผู้สอนภาษาทุกประเทศในยุโรป สภายุโรปต้องการปรับปรุงแนวทางสำหรับลูกจ้างและสถาบันการศึกษาที่ต้องการประเมินความเชี่ยวชาญทางภาษาของผู้สมัคร เกณฑ์ที่กำหนดนี้มีจุดประสงค์เพื่อใช้ในการสอนและการประเมิน
CEFR ไม่ได้เชื่อมโยงหรือยึดตามแบบทดสอบใดแบบทดสอบหนึ่งเป็นพิเศษ หากแต่เป็นการกำหนดทักษะที่สามารถทำได้โดยการใช้ภาษาต่างประเทศที่ระดับความเชี่ยวชาญใด ๆ ยกตัวอย่างเช่น หนึ่งในทักษะที่ระดับ B1 สามารถทำได้คือ “สามารถเชื่อมโยงเกี่ยวกับหัวข้อที่คุ้นเคยหรือความสนใจของตัวบุคคล” ผู้ที่สอนภาษาต่างประเทศสามารถใช้รายการทักษะที่ต้องทำได้เหล่านี้ในการประเมิน
และออกแบบบทเรียนเพื่อค้นหาช่องโหว่ของความรู้ทางภาษาสำหรับผู้เรียน
ใครเป็นผู้ใช้ CEFR
CEFR ได้รับการใช้งานอย่างกว้างขวางสำหรับการสอนภาษาในทวีปยุโรป รวมทั้งการศึกษาทั่วไปและโรงเรียนสอนภาษาเอกชน ในหลายประเทศใช้ CEFR แทนระบบการวัดระดับที่เคยใช้ใน
การสอนภาษาต่างประเทศ กระทรวงการศึกษาในยุโรปส่วนใหญ่ระบุเป้าหมายที่อ้างอิงตาม CEFR
อย่างชัดเจนสำหรับนักเรียนทุกคนที่สำเร็จระดับมัธยม เช่น ระดับ B2 สำหรับภาษาต่างประเทศ
ภาษาแรก ระดับ B1 สำหรับภาษาต่างประเทศภาษาที่สอง สำหรับการหางานในยุโรปจะใช้คะแนน
การทดสอบมาตรฐาน เช่น TOEIC เพื่อกำหนดระดับภาษาอังกฤษ
การใช้ CEFR นอกยุโรปยังอยู่ในขอบเขตที่จำกัด อย่างไรก็ตาม ประเทศในเอเชียและ
ลาตินอเมริกาบางส่วนได้เริ่มนำไปปรับใช้ในระบบการศึกษาของตนบ้างแล้ว
ทำไม CEFR จึงมีความสำคัญ
ในยุโรป CEFR ได้เพิ่มมาตรฐานการอธิบายระดับความเชี่ยวชาญภาษาต่างประเทศของคุณ
โดยเฉพาะในการศึกษา หากคุณเรียนมากกว่าหนึ่งภาษา ที่ยุโรปสามารถใช้ CEFR แสดงระดับภาษาที่มากกว่าสองภาษาในประวัติย่อของคุณ CEFR เป็นกรอบมาตรฐานทั่วทั้งยุโรปในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยและสามารถใช้ได้โดยไม่มีข้อจำกัด
อย่างไรก็ตาม ในเชิงขององค์กร CEFR ไม่ใช่สิ่งที่เข้าใจกันอย่างกว้างขวาง หากคุณตัดสินใจ
ที่จะใช้ CEFR ในประวัติย่อสำหรับเหตุผลด้านการทำงาน วิธีที่ดีที่สุดคือการระบุเกณฑ์บ่งชี้ระดับทักษะ แสดงคะแนนทดสอบมาตรฐาน และตัวอย่างประสบการณ์ใช้ทักษะทางภาษาของคุณ
(การศึกษาต่างประเทศ การทำงานในต่างประเทศ เป็นต้น)
ฉันสามารถวัดระดับ CEFR ของฉันได้อย่างไร
วิธีที่ดีที่สุดในการค้นหาระดับ CEFR ของคุณคือเข้ารับการทดสอบที่มีมาตรฐานและได้รับการออกแบบมาอย่างดี EF SET คือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการวัดระดับทักษะภาษาอังกฤษ เนื่องจากสามารถเข้าถึงได้ฟรีทางออนไลน์และเป็นแบบทดสอบแรกที่มาพร้อมกับเกณฑ์ CEFR คุณจะมีเวลา
50 นาที ในการทำแบบทดสอบให้เสร็จเพื่อค้นหาระดับ CEFR ของคุณ
การค้นหาระดับ CEFR ของคุณในภาษาอื่นของยุโรป แบบทดสอบที่นิยมมากที่สุดส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับเกณฑ์ CEFR โดยขึ้นอยู่กับภาษา คุณต้องทำแบบทดสอบที่แตกต่างกัน คุณสามารถตรวจสอบกับหน่วยงานทางการที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับภาษายุโรป ยกตัวอย่างเช่น Alliance Française สำหรับภาษาฝรั่งเศส Instituto Cervantes สำหรับภาษาสเปน หรือ Goethe Institute สำหรับ
ภาษาเยอรมัน โดยทั่วไปจะไม่นิยมใช้ระดับ CEFR เพื่อบ่งชี้ระดับภาษาที่ไม่ใช่ภาษายุโรป
คำวิจารณ์เกี่ยวกับ CEFR มีอะไรบ้าง
นักเรียนจำนวนมากได้วิจารณ์เกี่ยวกับความก้างของระดับของ CEFR ใน 6 ระดับนี้ประกอบด้วยทักษะและความสามารถมากมาย นักเรียนที่เพิ่งถึงระดับ B1 ค่อนข้างที่จะตามหลังนักเรียนที่เกือบจะผ่านระดับ B2 แต่นักเรียนทั้งสองจะได้รับการจัดให้อยู่ในระดับ B1 เหมือนกัน ในทางปฏิบัติ ผู้สอนต้องแยกแต่ละระดับของทั้ง 6 ระดับ ออกเป็นระดับย่อย เพื่อออกแบบบทเรียนและการประเมิน
หลายประเทศนอกยุโรปมีแบบทดสอบการประเมินที่นำมาปรับใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยไม่เห็นความสำคัญในการเปลี่ยนแปลงขอบเขตของระดับที่แตกต่างกัน ซึ่งไม่ได้อยู่ในแนวทางเดียวกับ
แบบทดสอบการประเมินปัจจุบัน ส่วนใหญ่แบบทดสอบการประเมินมาตรฐานภาษาอังกฤษที่ปรับใช้กันอย่างกว้างขวางไม่ได้มาพร้อมกับเกณฑ์ CEFR
อ้างอิง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น